วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

ดิมิเตอร์ โพสพเทพีแห่งกรีก


ดิมิเตอร์ โพสพเทพีแห่งกรีก




    กรีซเป็นประเทศที่มีการเพาะปลูกและเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก ทุ่งข้าวโพด ทุ่งข้าวสาลีที่เหลืองอร่ามจะเป็นที่สถิตแห่งพระเทพีพระองค์หนึ่ง พระเทพีดิมิเตอร์ ทรงเป็นเทพเจ้าที่ชาวกรีกให้ชาวเคารพมากองค์หนึ่งเพราะพระองค์ทรงประทับใกล้กับมนุษย์และมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของมนุษย์มาก เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวเหล่าชาวเกษตรกรจะทำการบูชาเทพีดิมิเตอร์กลายเป็นเทศกาลการเก็บเกี่ยวผู้คนจะเต้นรำและเลี้ยงฉลองโดยมีวัตถุดิบเป็นผลผลิตจากท้องไร่ท้องนา พร้อมกับร้องเพลงและบรรเลงดนตรีสรรเสริญรวมถึงประทับวิหารงดงามด้วยเหล่าดอกไม้และผลไม้ธัญหารมากมาย


     พระองค์ทรงเป็นพระพี่นางและพระชายาแห่งเทพซีอุส พระเทพีมีพระธิดาให้เทพซีอุส คือ เทพีเพอร์เซโฟนี ซึ่งพระเทพีทรงรักพระธิดาพระองค์นี้มาก พระองค์มักจะอยู่กับพระธิดาด้วยเสมอๆ และด้วยความรักอันมากมายของพระเทพีจึงก่อเกิดตำนานการเกิดฤดูกาลเก็บเกี่ยวและฤดูแห้งแล้ง ต้นเหตุมาจากเทพฮาเดสลักพาเทพีเพอร์เซโฟนีไปเป็นพระราชินีแห่งปรโลก ทำให้พระเทพีโศกเศร้าไม่มีจิตใจจะอวยพรให้เหล่าพืชพรรณธัญหารและผลผลิตทางการเกษตรเจริญงอกงามได้ มันจึงล้มตายและแห้งเฉา พระเทพีทนต่อไม่ไหวจึงออกเดินทางพระธิดาอันเป็นที่รัก ความอุดมสมบูรณ์จางหายไปแปลเปลี่ยนเป็นความอดอยากและแล้งแค้นมาแทนที่ ความทุกข์ทรมานจากการอดออาหารกระจายไปทุกพื้นที่ ส่วนพระเทพียังคงเดินทางตามหาพระธิดาไปตามที่ต่างๆ จนมาได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหญิงเมืองอีลูซีสทำให้พระองค์ีจิตใจที่จะตามหาพระธิดาต่อไป พระเทพีมาพบกับเทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีมอบสายรัดเอวแก่พระองค์และแจ้งว่า พระธิดาถูกเทพฮาเดสลักพาตัวไป พอพระเทพีทราบก็ยิ่งโศกเศร้าเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ด้วยความเหน็ดเหนื่อยพระองค์จึงแวะพักที่บริเวณน้ำพุ ปรากฏว่าได้ยินเสียงบ่นพึงพำกับพระองค์ถึงเทพีเพอร์เซโฟนีกลายเป็นพระราชินีแห่งปรโลกแล้ว    


  เมื่อพระองค์ทราบว่าพระธิดากลายเป็นพระราชินีแห่งปรโลกจึงไปขอร้องให้เทพซูสช่วย จนในที่สุดพระเทพีก็ได้พระธิดากลับคืนแต่ต้องอยู่กับพระองค์ได้เพียง 8เดือน และกลับไปครองตำแหน่งราชินีแห่งปรโลกเป็นเวลา4เดือน8เดือนแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่พระเทพีประทานพรแก่พืชผลธัญหาร จึงทำให้พวกมันเจริญงอกงาม แต่พอเลยไป8เดือน4เดือนแห่งความแห้งแล้งก็มาเยือนเมื่อพระธิดากลับไปอยู่กับพระสวามี ทำให้พระเทพีโศกเศร้าจึงมิอาจจะมีจิตใจมีอวยพรแก่พืชผลให้เจริญงอกงาม
  

Cr.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=9
Cr2.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=39




เฮสเตีย เทพีแห่งเตาไฟ และ ไดโอนิซูส เทพเจ้าแห่งไวน์

เฮสเตีย เทพีแห่งเตาไฟและครัวเรือน


ในเทพปกรณัมกรีก เฮสเตีย (อังกฤษ: Hestia) เป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส บางตำนานเล่าว่าเฮสเตียนั้นได้สละตำแหน่งให้แก่ไดโอนิซัส เป็นลูกคนโตในจำนวน 6 ของโครนอสกับรีอา ได้รับมอบหน้าที่จากซูส ให้เป็นเทพีแห่งเตาไฟ และยังเป็นเทพีผู้คุ้มครองบ้านเรือน เนื่องจากเป็นคนแรกที่สร้างบ้านขึ้นมา
เทพีเฮสเตียมีความสำคัญมากเปรียบดั่งเทพีผู้คุ้มครองทั้งบ้านเรือนรวมไปจนถึงคนในบ้าน และยังเป็นเทพีผู้คุ้มครองเด็กเกิดใหม่อีกด้วย ในธรรมเนียมกรีกโบราณ เมื่อใดในบ้านมีเด็กเกิดใหม่ ก็จะนำเด็กไปวนรอบเตาไฟ ซึ่งตั้งอยู่กลางบ้าน เพื่อให้เฮสเตียรับรู้และคุ้มครองเด็กจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆเหมือนเป็นการรับขวัญ เฮสเตียเป็นเทพีที่ไม่มีวิหารบูชา แต่ถือว่าเตาไฟทั้งหลายนั้นเป็นเหมือนแท่นบูชาของนาง


เทพีเฮสเตีย มักใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบอยู่ในที่พัก และไม่นิยมการสังสรรค์ ทำให้มีเรื่องราวเกี่ยวกับเทพีเฮสเตีย ในเทพปกรณัมกรีกน้อยมากเฮสเตียเป็น 1 ใน 3 เทพีผู้ครองพรหมจรรย์ ถึงแม้จะถูกเกี้ยวพาราณสี จากเทพอพอลโล และโพไซดอน
เทพีผู้ครองพรหมจารีย์ มี พระองค์ ได้แก่ เฮสเตีย เทพีแห่งเตาไฟ อธีนา เทพีแห่งสติปัญญา และอาร์เทมีส เทพีแห่งดวงจันทร์

ไดโอนิซูส เทพเจ้าแห่งไวน์


ไดอะไนเซิสหรือไดโอนิซุส เป็นเทพเจ้าแห่งไวน์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจของความประเพณีความคลั่งและความปิติอย่างล้นเหลือ (ecstasy)และเป็นเทพองค์ล่าสุดในสิบสองเทพโอลิมปัส ที่มาของไดอะไนเซิสไม่เป็นที่ทราบ แต่ตามตำนานว่าได้รับอิทธิพลมาจากต่างประเทศ


เทพไดโอไนซูส เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า แบคคัส เทพแห่งเมรัย และไวน์องุ่น เป็นบุตรของเทพซูสกับนางซิมิลี่ ซึ่งเป็นมนุษย์ ธิดาแห่งกรุงเธป เทพซูสได้แปลงกายเป็น มนุษย์รูปงามลงมาโลกมนุษย์ เพราะเกรงว่ามเหสี พระนางเฮร่า จะรู้เข้า และกลัวว่านางซิมิลี่จะเกรงกลัวในรัศมีของพระองค์ และในที่สุด ก็ได้นางเป็นชายาอีกองค์ แต่แล้ว พระนางเฮร่า ก็รู้เข้า จึงได้แปลงกายมาเป็นคนรับใช้ของนางซิมิลี่ มาหลอกล่อให้นางอยากเห็นรูปร่างที่แท้จริงของเทพซุส นางซิมิลี่ จึงได้ให้เทพซุสในรูปมนุษย์ ไปสาบานกับแม่น้ำสติ๊กซ์ ว่าจะให้ของขวัญแก่นาง แล้วนางซิมิลี่ ก็ให้เทพซุสเปลี่ยนร่างที่แท้จริงออกมา พระองค์เกรงว่า ถ้าให้นางเห็นร่างที่แท้จริงของพระองค์ จะทำให้นางซิมิลี่มอดไหม้ เพราะ รัศมีของพระองค์ จึงบอกแก่นางซิมิลี่ว่า จะดูแลลูกในครรภ์ของนาง ส่วนนางก็จะได้รับของขวัญสมใจ แล้วพระองค์ก้ได้ เปลี่ยนร่างเป็นเทพซูส นางซิมิลี่ก็มอดไหม้ไป แต่บุตรของนางไม่เป็นอะไรเพราะ เป็นบุตรแห่งเทพ จากนั้น


 เทพซูส จึงได้ให้พวกนิมฟ์ล นางไม้ ดูแลเทพไดโอไนซูส พวกนิมฟ์ล ได้สอนให้เทพไดโอไนซูส ปลูกพืชต่างๆ โดยเฉพาะองุ่น ต่อมาพระองค์ได้ทดลองนำองุ่นไปหมักเอาไว้ และก็ได้ค้นพบ นำองุ่นที่รสชาติดีอย่างประหลาด ที่ยิ่งดื่ม ยิ่งมึนเมา ยิ่งอยากดื่ม ยิ่งสนุกสนาน พระองค์จึงได้เผยแพร่การทำไวน์องุ่นไปทั่วแดน และต่อมา เทพซูส ได้รับพระองค์ไปเป็นเทพโอลิมปัสอีกพระองค์ (เทพไดโอไนซูส และเทพีดิมีเตอร์ เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่ชาวกรีกและโรมันให้ความเคารพบูชายิ่งนัก)


ไดอะไนเซิสผู้เป็นเทพของการเกษตรกรรม และการละคร นอกจากนั้นก็ยังรู้จักกันในนามว่า ผู้ปลดปล่อย” (Liberator) ที่ปลดปล่อยส่วนลึกของตนเองโดยทำให้คลั่ง หรือให้มีความสุขอย่างล้นเหลือ หรือด้วยเหล้าองุ่น หน้าที่ของไดอะไนเซิสคือเป็นผู้สร้างดนตรีออโลส (aulos) และยุติความกังวล นักวิชาการถกกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไดอะไนเซิสกับคตินิยมเกี่ยวกับวิญญาณ” และความสามารถในการติดต่อระหว่างผู้ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่ตายไปแล้ว


Cr.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=47
Cr2.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=49
Cr3.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=18
Cr4.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=8

เฮอร์เมส เทพเจ้าแห่งการสื่อสาร

เฮอร์เมส เทพเจ้าแห่งการสื่อสาร



     เฮอรมิส(Hermes)เป็นเทพผู้คุ้มครองเหล่านักเดินทาง คนเลี้ยงแกะ โจรผู้เร่ร่อน กวี นักกีฬา นักประดิษฐ์ และพ่อค้า อาจเรียกได้ว่า เฮอร์มีสเป็นเทพแห่งการสื่อสาร มีของวิเศษคือหมวกและรองเท้ามีปีกเรียกว่า เพตตะซัส(Petasus)ซึ่งเป็นของขวัญที่ได้รับจากเทพบิดา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นเทพสื่อสาร และมีคถาคาดูเซียส (Caduceus)ซึ่งรูปร่างของคถาจะมีคถางูไขว้อยู่สองตัวเฮอร์มีสพบงูสองตัวนี้เมื่อเห็นมันสู้กันเลยเอาคถาทิ่มระหว่างงูสองตัวเพื่อห้ามไม่ให้เกิดความวิวาท งูเลยเลื้อยมาพันอยู่รอบไม้แล้วหันหัวเข้าหากันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกลางด้วย

     

      เทพเฮอร์เมสทรงเป็นพระโอรสในเทพซูสกับเทพีมายา ถึงจะเป็นพระโอรสที่เกิดจากพระชายาองค์อื่น แต่แปลกประหลาดมหัศจรรย์มากมายที่กลับไม่เป็นที่เกลียดชังของเทพีเฮร่า พระเทพีกลับเอ็นดูและรักเหมือนลูกหลาน ประหลาดมาก เขาให้ความเห็นว่าคงเพราะเทพเฮอร์เมสเป็นเทพที่อ่อนโยนและเป็นกันเองไม่ถือตัว ช่วยง่าย จึงเป็นที่พอใจของพระเทพี เทพซูสก็โล่งอกหายใจหายคอสะดวกขึ้น 


     เทพเฮอร์เมสถึงดูจะเป็นเทพที่ไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ในวัยเยาว์ของพระองค์กลับสร้างวีรกรรมไว้อย่างไม่น่าเชื่อ ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงสนุกวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าและตากสายลมและแสงแดด พระองค์ก็ทรงเห็นกับฝูงวัวกำลังกินหญ้าอยู่ พระองค์ทราบว่าวัวเหล่านั้นเป็นของเทพอพอลโล ก็คิดสนุกขึ้นมาเลยเอาวัวของเทพอพอลโลทั้งหมดไปซ่อน เทพอพอลโลกลับมาดูวัวของพระองค์กลับไม่มีวัว พระองค์ตกใจออกตามหาและจับผิดเทพเฮอร์เมสผู้แสนซนได้ จึงไปฟ้องเทพซูสผู้เป็นบิดา เทพซูสก็ไกล่เกลี่ยให้ผลปรากฏว่าเทพเฮอร์เมสคืนวัวให้เทพอพอลโล เทพอพอลโลพอได้วัวมาก็เท่ากับหายกัน ถึงพระองค์จะทราบว่าวัวหายไป2ตัวก็ตาม เพราะไม่อยากจะเอาผิดเทพผู้น้อง ผลปรากฏว่าวัวที่หายไปนั้น เทพเฮอร์เมสนำไปทำเป็นเครื่องบูชายัญไปแล้ว พระองค์จึงได้รับการบูชาของเหล่าหัวขโมยและโจรผู้ร้าย เพราะสาเหตุมาจากวีรกรรมของพระองค์ครั้งนั้นนี้เอง


     เทพอพอลโลยังทรงโกรธเทพเฮอร์เมสอยู่ วันหนึ่งทรงผ่านมายังสถานที่ๆเทพเฮอร์เมสกำลังนั่งเล่นพิณอยู่ เทพอะพอลโลผู้ชื่นชอบดนตรีก็ทรงหยุดฟังปรากฏว่าทรงโปรดจึงขอพิณนั้นจากเทพเฮอร์เมส และแลกเปลี่ยนกับไม้คฑากาดูเซียส ซึ่งคือไม้ที่เทพอะพอลโลทรงใช้ในการต้อนวัวกลับคอกของพระองค์ เทพเฮอร์เมสทรงเหตุว่าโอกาสนี้จะเป็นโอกาสที่จะเทพอพอลโลจะหายโกรธตน จึงมอบให้โดยดี เทพอพอลโลทรงโปรดเครื่องดนตรีนี้มาก จึงพกติดตัวตลอดเวลา ในตำนานว่าเทพเฮอร์เมสทรงเป็นผู้ประดิษฐ์พิณขึ้นเป็นพระองค์แรก โดยประดิษฐ์จากกระดองเต่า ไส้เอ็นแพะ ต่อมาเทพเฮอร์เมสเดินทางผ่านโดยบังเอิญพบงูกำลังต่อสู้กัน พระองค์จึงหวังจะให้มันแยกออกจากกัน จึงเอาไม้คฑานั้นไปแยกมันออก ผลคือมันกลับเลื้อยขึ้นพันกับไม้คฑาและหันหัวเข้าหากัน ต่อมากลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความเป็นกลาง และ การแพทย์ 


     เทพเฮอร์เมสทรงปรากฏในวรรณกรรม เทพนิยายกรีกหลายเรื่อง โดยกระทำช่วยเหลือวีรบุรุษ เช่น 
-ช่วยเพอร์ซุส โดยมอบรองเท้าติดปีกให้ใช้ในการเดินทางไปยังเกาะที่เมดูซ่าอาศัยอยู่
-ช่วยเฮอร์คิวลิสเดินทางไปยังปรโลกในภารกิจจับเซอเบอรัส สุนัข 3 หัวแห่งปรโลก
-ช่วยโอดิสซี พ้นจากเงื้อมมือของนางแม่มดเซอร์ซี
-ช่วยเตเลมาดุส ตามหาโอดิสซีผู้เป็นบิดาจนพบ 


    เทพเฮอร์เมสยังปรากฏความช่วยเหลือกับทวยเทพในตำนานเทพเจ้าดังนี้
-ช่วยเทพซูส ให้พ้นพันธนาการของอสูรร้ายไทฟอน โดยมีเทพแพนผู้เป็นพระโอรสร่วมกันช่วย
-ช่วยนางไอโอ พระชายาน้อยของเทพซูส จากอสูรพันตา "อาร์กัส" ซึ่งเป็นสมุนของเทพีเฮร่า 
-ช่วยเลี้ยงดูเทพไดโอนิซุสในวัยเยาว์


     เทพเฮอร์เมสยังทรงเป็นเทพนักรัก พระองค์ทรงมีพระชายาไปทั่ว ทั้งเทพี เทพธิดา นางพราย นางไม้ และเจ้าหญิง และพระองค์มิได้ยกพระชายาพระองค์ใดขึ้นมาอย่างเปิดเผย มันก็แบบนี้เละเทพโอลิมปัสผู้ชายเคยไหมที่จะยกพระชายาออกหน้าแต่อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงเกิดจากคติความปรารถนาส่วนลึกของชาวกรีกที่อยากเป็นอิสระ อยากมีความคิดที่กว้างและมีเท้าที่จะเดินทางไปได้ดั่งใจ เหมือนเทพเฮอร์เมส ที่ทรงมีพระมาลาปีกนก กับ เกือกพระบาทติดปีก เวลาพระองค์อยากไปที่ใดมันจะทำหน้าที่เร็วดั่งความนึกคิดของพระองค์ ท่านจึงครองเทพเจ้าแห่งความเร็วและความอิสระเสรีที่ใครๆก็อยากได้มันมาครอบครอง


Cr.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=17
Cr2.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=43

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

อะโฟรไดท์ เทพีแห่งความรัก และความงาม

อะโฟรไดท์ เทพีแห่งความรัก และความงาม


เทพีอะโฟรไดท์(อังกฤษ:Aphrodite)เป็นเทพเจ้ากรีกแห่งความรัก ความปรารถนา และความงาม ชื่ออื่นๆที่เรียกไซธีราซึ่งเชื่อว่าเป็นที่เกิดของอาโฟร์ไดร์ทิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอาโฟร์ไดร์ทิได้แก่ต้นเมอร์เติล (Myrtle) นกพิราบ นกกระจอก และหงส์


อะโฟรไดท์ทรงเป็นเทพธิดาแห่งความรักและความงาม ทั้งความรักที่บริสุทธิ์ และความรักที่เต็มไปด้วยตัณหา และความริษยา ทรงครอบครองสายคาดวิเศษที่สามารถมัดใจเทพและชายทุกคนได้ในทันที ทรงเป็นผู้ให้พรเพื่อให้ผู้มีความรักสมหวัง ในขณะเดียวกันก็ทรงสามารถที่จะทำลายความรักของผู้ที่พระนางไม่พอใจได้ในทันที

การกำเนิด


การกำเนิดของอะโฟรไดท์มีอยู่ 2 ความเชื่อ ความเชื่อแรกนั้นเชื่อว่าถือกำเนิดขึ้นจากฟองน้ำในมหาสมุทร และความชื่อที่สองเชื่อว่าอะโฟรไดท์เป็นบุตรีของซุสกับนางไดโอนี
ความเชื่อแรกนั้นเชื่อกันว่าเมื่อครั้งที่โครนอสทำการโค่นอำนาจจากยูเรนัส โครนอสได้โยนบิดาของตนเองลงในมหาสมุทร ทำให้เกิดฟองน้ำที่มีเด็กหญิงอยู่ภายในขึ้น และหลังจากเด็กหญิงผู้นั้นเติบโต เธอก็ลอยมาติดฝั่งพาฟอสของไซปรัส โดยมีเปลือกหอยเป็นพาหนะ
อีกความเชื่อหนึ่ง เชื่อว่าอะโฟรไดท์เป็นบุตรของซุส และไดโอนีแห่งเกาะดอโดน่า และว่าไดโอนีคือมเหสีของซูสก่อนที่จะสมรสกับเทพีเฮร่า

ชีวิตรัก


เทพีอะโฟรไดท์เป็นหนึ่งในเทพีที่เลื่องชื่อด้านความสัมพันธ์เชิงชู้สาวมาก พระนางได้รับบัญชาจากซุสให้สมรสกับเทพฮีเฟสตัสผู้อัปลักษณ์และพิการ ซึ่งเป็นบุตรชายของซุสกับเฮร่า แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเทพและเทพีทั้งสองกลับไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เทพีอะโฟรไดท์ทรงมีความสัมพันธ์กับเทพและชายหนุ่มมากมายที่ไม่ใช่สวามีของตนเอง จนเกิดเรื่องราวนับไม่ถ้วน
หนึ่งในชู้รักของเทพีอะโฟรไดต์คือเทพแอรีส เทพแห่งสงครามผู้เป็นบุตรชายอีกองค์ของซุสและเฮร่า เทพฮีเฟสตัสได้ดัดหลังทั้งคู่ด้วยการวางกับดักตาข่ายไว้ที่เตียงนอน เมื่อถึงเวลาเช้าที่แอรีสจะหลบออกไปจากห้องบรรทมของอะโฟรไดท์ ทั้งเทพแอรีสและเทพีอะโฟรไดท์จึงรู้ตัวว่าติดกับดัก และต้องทนอับอายต่อการที่ถูกเทพทั้งมวลมองดูร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่อยู่เป็นเวลานาน
นอกจากแอรีสแล้ว อะโฟรไดท์ยังมีชายชู้อีกหลายคนรวมถึง อะโดนิส และเฮอร์มีสด้วย

บุตรธิดา


อะโฟรไดต์ มีบุตรกับแอรีส 3 องค์ คือ
1.อีรอส หรือ คิวปิด ผู้เป็นกามเทพ
2.แอนติรอส ผู้เป็นเทพแห่งรักที่ไม่สมหวัง การรักตอบ และเป็นผู้ลงโทษผู้ที่ดูถูกความรัก
3.ฮาร์โมเนีย หรือ เฮอร์ไมโอนี่ ผู้เป็นเทพีแห่งความปรองดอง
บุตรของอะโฟรไดท์กับเฮอร์มีส มี 1 องค์ คือเฮอร์มาโฟรไดตุส ซึ่งเป็นเทพผู้คุ้มครองเพศที่ 3
นอกจากนี้อะโฟรไดต์ยังมีบุตรเจ้าชายแอนคีซีสแห่งโทรจันซึ่งเป็นมนุษย์ 1 คน คือ อีเนียส ผู้เป็นกำลังสำคัญในสงครามแห่งทรอย

ตำนาน


อะโฟรไดท์เป็นเทพีที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนาน เรื่องเล่า และมหากาพย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหากาพย์โอดิสซีย์ และอีเลียด ตำนานดอกกุหลาบ ตำนานดอกนาซิสซา ฯลฯ
ในมหากาพย์อีเลียด ของโฮเมอร์ อะโฟรไดท์เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสงครามแห่งทรอย นางได้ทำให้ปารีสหลงรักเฮเลน ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกซึ่งเป็นมเหสีของกษัตริย์เมเนลาอุส ทำให้ชาวกรีกทั้งหลายมุ่งหน้าไปยังทรอยเพื่อชิงตัวเฮเลนคืนมา
ส่วนใหญ่แล้วกวีจะมอบบทบาทของหญิงสาวขี้อิจฉาที่ไร้เหตุผลให้กับอะโฟรไดท์ นางเป็นผู้ลบปัญหาออกจากสมองของนักปราชญ์ บันดาลให้เกิดความรักที่บ้าคลั่งและเป็นไปไม่ได้ นำความทุกข์ใหญ่หลวงมาสู่คู่รักที่นางไม่โปรดปราน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อีรอส ลูกชายของนางกับไซคี


อย่างไรก็ตามในมหากาพย์อีเลียด ของโฮเมอร์ เทพีอะโฟรไดท์เป็นเทพีที่อ่อนแอและนุ่มนวล ซึ่งไม่สามารถทนดูบุตรอานิอัสบุตรชายของตนถูกฆ่าตายในสงครามแห่งทรอยได้ จนไปขอความช่วยเหลือจากซุสเพื่อให้ซุสให้พรกับบุตรชายของนาง ซึ่งซุสก็ได้ให้พรให้อานิอัสได้เป็นบิดาของชนชาติที่จะครองโลก ซึ่งก็คือชนชาวอิตาเลี่ยน



Cr.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=45
Cr2.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=19



แอรีส เทพแห่งสงคราม

แอรีส เทพแห่งสงคราม


แอรีส (อังกฤษ: Ares)เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม อาวุธ และชุดเกราะ และเป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัสด้วย
แอรีสเป็นเทพแห่งการสงครามเช่นเดียวกับ อาเธน่า แต่ทว่าอาเธน่าจะได้รับการยกย่องและบูชามากกว่า เนื่องจากอธีน่าเป็นเทพีที่ใช้สติปัญญาวางแผนในการสู้รบมากกว่า ซึ่งได้รับการบูชาในฐานะเทพีแห่งสติปัญญาด้วย ผิดกับแอรีสซึ่งมักจะใช้ความดุดันและโหดร้ายในการสงครามมากกว่า ซึ่งโฮเมอร์ กวีเอกคนสำคัญของกรีกโบราณ ยังเคยเขียนถึงพระองค์ว่า เป็นเทพที่โหดร้ายและหยาบช้า
แอรีสเป็นบุตรของซูสมหาเทพและพระนางเฮร่า มเหสีของซูส แอรีสเป็นเทพที่ชาวกรีกไม่นับถือบูชา เพราะถือว่าเป็นเทพที่โหดร้ายและมีเรื่องราวที่น่าอับอายเกี่ยวกับพระองค์เยอะ และถึงแม้จะเป็นเทพแห่งสงคราม แอรีสก็รบแพ้ในการสงครามหลายต่อหลายครั้ง ทั้งแก่มนุษย์กึ่งเทพเองอย่าง เฮราคลีสและกับอธีน่า เทพีแห่งสงคราม พี่น้องของพระองค์เอง


แต่แอรีสเป็นที่นับถืออย่างมากของชาวโรมัน ซึ่งเป็นชนเผ่าที่โปรดปรานการสู้รบ ถึงกับแต่งให้แอรีสเป็นบิดาของรอมิวลุสผู้สร้างกรุงโรมเลยทีเดียว
ในทางด้านชู้สาว พระองค์ลักลอบมีชู้กับเทพีอโฟรไดท์จนเป็นเรื่องราวใหญ่โตให้อับอายไปทั้งสวรรค์ และเป็นอพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์ที่จับผิดและแก้ไขพฤติกรรมของทั้งคู่


แอรีส เมื่อเสด็จไปไหน จะใช้รถศึกเทียมม้าฝีเท้าจัดมากมาย แสงเกราะและแสงศาตราวุธส่องแสงเจิดจ้าบาดตาผู้พบเห็น มีบริวารที่ติดสอยห้อยตามอยู่ 2 คนคือ ดีมอส (Deimos) ซึ่งแปลว่าความกลัว กับโฟบอส (Phobos)แปลว่าความน่าสยองขวัญ บางตำนานก็กล่าวว่า ทั้งดีมอสและโฟบอสเป็นบุตรชายฝาแฝดของแอรีส และชื่อของทั้งคู่ก็เป็นรากศัพท์ของคำว่าความตื่นตระหนก (Panic) และ ความกลัว (Phobia) และในทางดาราศาสตร์ แอรีสหรือมาร์ส คือดาวอังคาร ดีมอสและโฟบอส ก็ถูกตั้งเป็นชื่อของดวงจันทร์บริวารของดางอังคารด้วย




Cr.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=41
Cr2.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=10

ฮีเฟสตัส เทพแห่งการช่าง

ฮีเฟสตัส เทพแห่งการช่าง


ฮีเฟสตัส (อังกฤษ: Hephaestus ) เทพแห่งไฟ โลหะ และการช่าง เป็นบุตรของซูส กับฮีรา (บางตำราว่าเป็นบุตรของฮีรา ผู้เดียว) พระองค์เป็นเทพที่พิการและอัปลักษณ์ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ถูกซูสโยนลงจากสวรรค์เมื่อครั้งเข้าไปช่วยฮีรา จากการทะเลาะกับซูส
เนื่องด้วยเหตุดังกล่าว พระองค์จึงถูกพระบิดาและมารดาทอดทิ้ง อีกทั้งพระชายาคือเทพีอโฟรไดท์ยังดูแคลนจนกระทั่งไปมีชู้รักมากมาย รวมทั้งอนุชาร่วมอุทรของเทพฮีเฟสตัสเอง คือเทพอาเรสจนมีโอรสธิดาหลายองค์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสายเลือดสวามีอัปลักษณ์องค์นี้แม้แต่องค์เดียวซึ่งพระองค์ถือเป็นเทพที่น่าสงสารที่สุด


ฮีเฟสตัสใช้เวลาช่วง 10 ปีแรกอยู่ในทะเล และได้สร้างโรงหล่อไว้ใต้ภูเขาไฟเอตนา มีไซคลอปส์เป็นคนงาน โดยสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น มีดังนี้ 
1.อาวุธของ อคิลลีส และ อีเนียส
2.คทาของ อะกาเมมนอน
3.สร้อยคอของ Harmonia ซึ่งผู้สวมใส่จะประสบเคราะห์ร้าย
4.โล่ของ เฮราคลีส


เทพฮีเฟสตัสมีรักครั้งแรกคือเทพีอะธีนา แต่พระนางไม่ตกลงปลงใจด้วยเพราะพยายามลวนลามพระนางและเหตุนี้ทำให้เทพีอะธีนามุ่งมั่นจนกลายเป็น ใน เทพีครองพรหมจรรย์



Cr.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=46

อาเธน่า เทพีแห่งสติปัญญา และชัยชนะเหนือสงคราม

อาเธน่า เทพีแห่งสติปัญญา และชัยชนะเหนือสงคราม


เทพีอาเธน่า (อังกฤษ: Athena)หนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส เป็นเทพีแห่งปัญญา เนื่องจากเกิดมาจากส่วนหัวของ ซูสประมุขแห่งเหล่าทวยเทพ ในขณะที่กำลังประชุมเหล่าเทพที่เทือกเขาโอลิมปัส เมื่อจู่ ๆ ซูสเกิดปวดศีรษะอย่างรุนแรง จึงได้ให้เฮเฟสตัส เทพแห่งการตีเหล็กใช้ขวานผ่าศีรษะออก ปรากฏเป็นอาเธน่าที่สวมชุดเกราะพร้อมหอกกระโดดออกมา เทพีอาเธน่าเป็นธิดาของเทพีเมทิสซึ่งถูกซูสกลืนเข้าไปในท้องตั้งแต่ยังมีครรภ์แก่ เนื่องจากคำทำนายที่ว่าบุตรที่เกิดจากนางจะเป็นผู้โค่นบัลลังก์ของซูส แต่แม้ว่าอาเธน่าจะถือกำเนิดมาพร้อมกับคำทำนายนั้น พระนางก็เป็นหนึ่งในลูกรักของซูส ว่ากันว่าเฮร่าอิจฉาอธีน่าที่ถือตัวว่าเป็นผู้กำเนิดมาจากซูสโดยตรง


และนอกจากอาเธน่าจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้ว ยังเชื่อกันว่าพระนางเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย เนื่องจากเทวรูปของพระนางมักปรากฏเป็นรูปผู้หญิงสวมชุดเกราะ ถือโล่ห์และหอกที่มือซ้าย และถือไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะที่มือขวา โดยที่ชื่อกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของกรีซ ก็มีที่มาจากพระนามของนาง ชื่อเต็มของอาเธน่าคือ พัลลัสอาเธน่า(Pallas Athena)ซึ่งชื่อพัลลัส มาจากเพื่อนมนุษย์ของอาเธน่าซึ่งเธอพลั้งมือสังหารไปขณะเล่นด้วยกัน จึงได้นำชื่อของพัลลัสมาใส่นำหน้าเพื่อเป็นที่ระลึก อาเธน่าเป็นตัวแทนของสงครามที่เอาชนะด้วยกลยุทธหรือความถูกต้อง ซึ่งต่างจากแอรีสที่เป็นเทพสงครามที่ใช้กำลังมากกว่า


นอกจากนี้ อาเธน่ายังเป็นหนึ่งในสามเทพีพรหมจรรย์ด้วย ซึ่งประกอบด้วย พระนาง อาร์เทมีส เทพีแห่งดวงจันทร์ และเฮสเทีย เทพีแห่งครัวเรือนและเตาไฟ

ชื่อเมืองเอเธนส์


ตามตำนานกรีกเล่าว่า ที่มาของชื่อเมืองเอเธนส์ (Athens) นั้น มาจากการที่ชาวกรีกจะตั้งชื่อเมืองแต่ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไร โพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทร ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของอาเธน่า ใช้ตรีศูลอาวุธของตนสร้างม้าขึ้นมา(บ้างก็ว่าสร้างน้ำพุขึ้น)ชาวเมืองต่างพากันชื่นชมม้าเป็นอันมาก แต่เทพีอาเธน่าได้เนรมิตต้นมะกอกขึ้นมา ซึ่งสามารถใช้ผลเป็นประโยชน์ได้ นอกจากนี้ มะกอก ยังเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ในขณะที่ม้าเป็นสัญลักษณ์ของสงคราม ชาวเมืองจึงตกลงใช้ชื่อเมืองว่า เอเธนส์ ตามชื่อของพระนาง และมะกอกก็กลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญอันดับหนึ่งของกรีซมาจนปัจจุบัน
อาจกล่าวได้ว่า อาเธน่า เป็นเทพที่ชาวกรีกให้ความนับถือมากที่สุดก็ว่าได้ ในสมัยโบราณมีการสร้างมหาวิหารเพื่อถวายแด่พระนาง คือ วิหารพาเธนอน ซึ่งตั้งอยู่ที่เนินอะโครโปลิส ที่กรุงเอเธนส์ในปัจจุบัน




Cr.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=44
Cr2.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=14

อาร์เทอมีส จันทราเทพีแห่งกรีก

อาร์เทมีส จันทราเทพีแห่งกรีก


อาร์เทมีส(อังกฤษ: Artemis)นางเป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์ เทพีแห่งดวงจันทร์ และเป็นเทพีแห่งความรักทางใจ ตำนานการกำเนิดกล่าวว่าเป็นธิดาฝาแฝดของเทพซุสกับนางอัปสร ลีโต(Leto)หรือแลโตนา(Latona)มีพี่ชายร่วมอุทรคือเทพอพอลโลซึ่งเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ และการดนตรี
เทพฝาแฝดทั้งสองถูกปองร้ายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะเทพีเฮร่าซึ่งเป็นมเหสีเอกของเทพซุสเกลียดชังชายาน้อยของสวามีจึงลามไปถึงบุตรที่เกิดจากอนุเหล่านั้นด้วย เมื่อรู้เรื่องของนางลีโต พระนางจึงสาปแช่งนางลีโตว่าจะไม่สามารถคลอดบุตรบนแผ่นดินใดได้ อีกทั้งยังส่งงูร้ายไพธอนตามฉกกัดนางลีโตตลอดเวลา นางลีโตประสบเคราะห์กรรมอย่างน่าสงสารเพราะไปที่ใดก็ไม่มีใครต้อนรับด้วยกลัวเกรงอาญาของเทพีเฮร่า ทั้งต้องหลบหนีงูร้ายจนอยู่ไม่เป็นสุข และเทพซุสก็กลัวเทพีเฮราเกินกว่าจะช่วยเหลือนางลีโตกับบุตรในครรภ์
กระทั่งครบกำหนดครรภ์ นางลีโตเจ็บปวดทุกข์ทรมานปางตายเพราะไม่อาจคลอดบุตรได้ ทำให้เทพโพไซดอนเกิดความสงสาร จึงบันดาลเกาะดีลอสให้โผล่ขึ้นกลางทะเล ไม่ติดต่อกับแผ่นดินใด นางลีโตจึงพ้นคำสาป จนกระทั่งสามารถประสูติเทพฝาแฝด เทพอพอลโล และเทพีอาร์เทอมิส ออกมาอย่างปลอดภัย
ทันทีที่ประสูติออกจากครรภ์ เทพอะพอลโลก็ฆ่างูไพธอนตาย เมื่อเทพทั้งสองประสูติ เทพบิดาซุสจึงอัญเชิญเทพทั้งสองขึ้นเป็นเทพบนเขาโอลิมปัส และคลายความหมางใจระหว่างเทพีเฮร่ากับเทพฝาแฝดจนเป็นผลสำเร็จ

บทบาทบนเขาโอลิมปัส



เทพอพอลโลถูกสถาปนาขึ้นเป็นสุริยเทพ คุมรถม้าพระอาทิตย์รอบโลกให้แสงสว่างแก่มวลมนุษย์ในเวลากลางวัน ส่วนเทพีอาร์เทมีสถูกสถาปนาเป็นจันทราเทวี คุมรถม้าเงินพระจันทร์ ให้แสงสว่างนำทางมวลมนุษย์ในยามกลางคืน ทั้งสองฝาแฝดรักใคร่กันมากและมีความชำนาญในด้านขมังธนูเช่นเดียวกัน โดยธนูของเทพอพอลโลจะแม่นยำร้อนแรงดังแสงอาทิตย์ ผิดกับเทพีอาร์เทอมีสซึ่งปลิดชีพผู้ต้องศรอย่างนุ่มนวลราวแสงจันทร์ จนดูคล้ายกับคนที่นอนหลับไปเท่านั้น


เทพีอาร์เทอมีสมีชีวิตโลดโผนกว่าเทพีองค์อื่น เพราะทรงโปรดการล่าสัตว์และชอบชีวิตโสด จนเทพซุสประทานนางอัปสรผู้ไม่ต้องการแต่งงานจำนวน50ให้เป็นบริวาร สาเหตุที่พระนางไม่ต้องการมีความรัก ก็เพราะมีความหลังฝังใจจากที่นางลีโตต้องทรมานกับการคลอดบุตร และในเวลาที่ประสูติเทพีอาร์เทมีสก็ซึมซับความรู้สึกนั้นได้ พระนางจึงไม่เชื่อในความรักและไม่ต้องการคู่ครอง เทพีอาร์เทมีสวิงวอนให้เทพซุสสาบานว่าจะไม่จับคู่สมรสให้พระนางหรือให้พระนางสมรสไม่ว่ากรณีใด และให้พระนางเป็นเทพีผู้ครองพรหมจรรย์ ซึ่งเทพซุสก็สาบานโดยให้แม่น้ำสติกซ์ซึ่งไหลรอบนรกเป็นพยาน (การสาบานต่อแม่น้ำสติกซ์มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ผู้ใดผิดคำสาบานไม่ว่ามนุษย์หรือเทพเจ้าจะประสบเคราะห์กรรมอย่างร้ายแรง)

ความรัก
ตำนานความรักของเทพีอาร์เทมีสนั้นมีอยู่ ซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มดาวนายพรานซึ่งสุกสว่างอยู่บนท้องฟ้าในยามกลางคืน 
ในตำนานของกรีกนั้นกล่าวว่าเทพีอาร์เทมีสทรงสาบานตนเป็นเทพีพรหมจารีย์ร่วมกับอะธีน่าและเฮสเทียต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ นางชิงชังชีวิตสมรส ความรัก และการยุ่งเกี่ยวกับผู้ชาย แต่สิ่งหนึ่งที่เทพีอาร์เทอมีสไม่ปฏิเสธคือการมีสหายเป็นชายที่รักการล่าสัตว์เช่นเดียวกับพระนาง
สหายสนิทของเทพีอาร์เทอมีสมีนามว่าโอไรออน เขาเป็นนายพรานผู้ฉมังในการล่าสัตว์ มีสุนัขคู่ใจชื่อว่าซิริอุส ทุกๆ วันเทพีอาร์เทมีสและสหายจะร่วมกันล่าสัตว์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหลังจากล่าสัตว์เสร็จ


เทพีอาร์เทมีสแลพนายพรานหนุ่มหลงรักซึ่งกันและกัน พระนางจึงคิดที่จะสละความเป็นเทพีพรหมจารีย์เพื่อแต่งงานกับโอไรออน อพอลโล่รู้ถึงความคิดนี้เข้าและกลัวว่าอาร์เทอมีสจะต้องรับโทษจากการผิดคำสาบานต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ จึงวางแผนที่จะล้มเลิกความคิดของน้องสาวฝาแฝด
อพอลโล่สั่งให้โอไรออนเดินลุยน้ำทะเลไปยังเกาะแห่งหนึ่งกลางทะเล และเมื่อโอไรออนเดินไปถึงยังจุดที่ไกลจนเมื่อมองจากเกาะดีลอสแล้วจะเห็นเพียงศีรษะของโอไรออนที่มองดูเหมือนกับเกาะกลางน้ำ เทพอพอลโล่ก็ชวนเทพีฝาแฝดมาล่าสัตว์แข่งกัน และท้าพนันให้อาร์เทมีสยิงธนูทะลุเกาะกลางทะเลที่อพอลโล่ชี้ให้ดูให้ได้
อาร์เทมีสตกหลุมพรางของเทพฝาแฝด เหนี่ยวสายธนูเต็มแรงจนลูกธนูทะลุศีรษะของโอไรออนถึงแก่ความตาย เมื่ออาร์เทมีสทราบว่าตนได้ฆ่าชายที่รักลงด้วยน้ำมือของตนเองแล้ว พระนางก็ได้นำศพของโอไรออนและซิริอุสสุนัขคู่ใจขึ้นไปไว้บนท้องฟ้าในตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพราน และดาวสุนัขใหญ่
ลักษณะเทพีอาร์เทมีสมีรูปลักษณ์เป็นหญิงสาวผู้งดงาม อยู่ในชุดล่าสัตว์ทะมัดทแมงกระโปงสั้น ชุดมักมีสีน้ำเงิน ในมือถือคันธนู




Cr.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=42
Cr2.http://www.punica.co.th/bbs/viewthread.php?tid=6287

อพอลโล สุริยเทพแห่งกรีก

อพอลโล สุริยเทพแห่งกรีก


     เทพเจ้าที่รูปงามหล่อเหลาเทพพระองค์นี้งามมากสมชาติบุรุษ หญิงสตรีใดพบเห็นก็ต้องหลงใหลในพระองค์เป็นแน่แท้ และมีความเก่งกาจในหลายด้าน เช่้น ด้านวิชาการอย่างแพทย์ศาสตร์ ด้านโหราศาสตร์สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ ด้านคีตศาสตร์ทรงเป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะการบรรเลงพิณ ด้านอาวุธ ทรงถนัดการยิงธนูเป็นอันมาก และที่สำคัญเก่งในเรื่องความรักอีกด้วย เทพองค์นี้คงหนีไม่พ้น

     อะพอลโล (อังกฤษ: Apollo) เป็นบุตรชายคนโตของมหาเทพซุส เป็นหนึ่งใน 12 เทพแห่งโอลิมปัส เป็นบุตรของซูส จอมเทพแห่งสวรรค์และนางเลโต เป็นเทพแห่งแสงสว่าง หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ รวมถึงเป็นเทพแห่งสัจจะและการดนตรีด้วย อพอลโลมีน้องสาวฝาแฝดชื่อ อาร์เทมีสซึ่งเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์คู่กันอพอลโลเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม มักเล่นดนตรีด้วยพิณ เชี่ยวชาญการใช้ธนู ในสงครามกรุงทรอย อพอลโลมีบทบาทเป็นเทพที่รักษาชายฝั่งเมืองทรอย ที่เมืองเดลฟี่มีเทวสถานบูชาอพอลโลอยู่



     เทพอพอลโลถูกสถาปนาขึ้นเป็นสุริยเทพ คุมรถม้าพระอาทิตย์รอบโลกให้แสงสว่างแก่มวลมนุษย์ในเวลากลางวันทั้งสองฝาแฝดรักใคร่กันมากและมีความชำนาญในด้านขมังธนูเช่นเดียวกัน โดยธนูของเทพอพอลโลจะแม่นยำร้อนแรงดังแสงอาทิตย์เทพอะพอลโลเป็นที่นับถือในนามสุริยเทพ และพระองค์ยังมีวีรกรรมต่างๆ เช่น สังหารงูยักษ์ไทฟอน สังหารยักษ์อโลอาดี และ อีฟีอัสทิส ได้ และเรื่องที่กล่าวไว้แล้วในตอนเฮร่า ราชินีแห่งสรวงสวรรค์ที่เทพอะพอลโลร่วมมือกับเทพีเฮร่าและเทพเจ้าองค์อื่นโค่นล้มบัลลังก์เทพซูส และพระองค์ก็กระทำไม่สำเร็จแถมยังถูกลงโทษให้ไปช่วยเทพโพไซดอนสร้างกำแพงกรุงทรอยอีก แต่พระองค์กลับเคยจะพ่ายแพ้ต่อเฮอร์คิวลิส ด้วยเหตุที่เฮอร์คิวลิสไปขอคำทำนายจากสาวกเทพอะพอลโล แต่คำทำนายกลับออกมาไม่เป็นที่พอใจจึงล้มโต๊ะเครื่องบูชาเทพอพอลโลไม่พอพระทัยจึงลงมาหวังจะปราบแต่กลับถูกเฮอร์คิวลิสปราบเสียเอง เทพซูสจึงต้องเข้ามาห้ามปราม



     เทพอะพอลโลทรงเป็นเทพแห่งคีตศาสตร์ ด้วยพระองค์ชื่นชอบการเล่นพิณ ด้วยมีเหตุมาจากเทพเฮอร์เมสขโมยวัวของพระองค์ไปซ่อน เทพอะพอลโลจับได้ พระองค์ก็โกรธมากแต่กลับมาหายโกรธเพราะพิณที่เทพเฮอร์เมสประดิษฐ์เพราะมันบรรเลงได้เสียงที่ไพเราะจึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์มาก พระองค์จึงยอมคืนดีด้วยเพื่อแลกกับพิณ เทพเฮอร์เมสเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องพิณขึ้นมาเป็นพระองค์แรก ส่วนเทพีอธีน่าทรงประดิษฐ์ขลุ่ยขึ้นพระองค์แรกเช่นกัน เทพอะพอลโลทรงเล่นพิณได้เก่งและไพเราะมาก



Cr.http://writer.dek-d.com/maetaweejuksurit/story/viewlongc.php?id=872604&chapter=42
Cr2.http://writer.dek-d.com/chanin34/story/viewlongc.php?id=602520&chapter=15